• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


Article#📢 A65B3 ประเภทของรากฐานในงานวิศวกรรม: คุณลักษณะและก็จุดเด่นข้อตำหนิ

Started by kaidee20, Apr 24, 2025, 03:21 PM

Previous topic - Next topic

kaidee20

รากฐาน (Foundation) เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดขององค์ประกอบ ด้วยเหตุว่าเป็นส่วนที่ช่วยรองรับน้ำหนักรวมทั้งถ่ายโอนแรงทั้งผองจากโครงสร้างด้านบนสู่ชั้นดินหรือชั้นหินข้างล่าง การเลือกประเภทของโครงสร้างรองรับที่เหมาะสมกับลักษณะองค์ประกอบและภาวะดินเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ส่วนประกอบมีความยั่งยืนรวมทั้งไม่มีอันตราย ในบทความนี้ พวกเราจะมาเจาะลึกถึงจำพวกของโครงสร้างรองรับ คุณลักษณะ ข้อดี รวมทั้งจุดอ่อนของแต่ละจำพวก เพื่อช่วยทำให้รู้เรื่องและเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะควร



🌏👉✨ประเภทของโครงสร้างรองรับ

โครงสร้างรองรับสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักหมายถึงโครงสร้างรองรับตื้น (Shallow Foundation) รวมทั้งโครงสร้างรองรับลึก (Deep Foundation) โดยทั้งสองชนิดมีความไม่เหมือนกันในแง่ของโครงสร้าง การออกแบบ และก็การดัดแปลง

1. โครงสร้างรองรับตื้น (Shallow Foundation)
ฐานรากตื้นเป็นโครงสร้างรองรับที่วางอยู่ใกล้กับผิวดิน และเหมาะกับส่วนประกอบที่น้ำหนักไม่มากหรือภาวะดินมีความแข็งแรงพอเพียง รากฐานประเภทนี้เป็นที่ชื่นชอบใช้ในส่วนประกอบทั่วไป ดังเช่นว่า ที่อยู่อาศัย ตึกขนาดเล็ก รวมทั้งงานก่อสร้างที่ไม่ซับซ้อน

-------------------------------------------------------------
บริการ รับเจาะดิน | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Boring Test บริการ เจาะสํารวจดิน วิเคราะห์และทดสอบดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 Website:  เจาะสํารวจดิน
👉 Map: เส้นทาง
-------------------------------------------------------------

ตัวอย่างของฐานรากตื้น
-รากฐานแผ่ (Spread Footing): เป็นฐานรากที่มีการกระจัดกระจายน้ำหนักของโครงสร้างในพื้นที่กว้าง เหมาะกับตึกที่มีคานและก็เสาสร้างบนพื้นผิวที่แข็งแรง
-โครงสร้างรองรับแถบ (Strip Footing): ใช้สำหรับรองรับกำแพงที่มีน้ำหนักเบาหรือโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นแถวยาว
-รากฐานแผ่น (Mat Foundation): ใช้สำหรับองค์ประกอบที่อยากกระจัดกระจายน้ำหนักในพื้นที่ขนาดใหญ่ ดังเช่นว่า อาคารสูงในพื้นที่ดินอ่อน

ข้อดีของฐานรากตื้น
-ใช้งบประมาณน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับฐานรากลึก
-ก่อสร้างได้ง่ายแล้วก็รวดเร็ว
-เหมาะกับพื้นที่ที่ดินมีความแข็งแรง

ข้อเสียของรากฐานตื้น
-ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ดินอ่อนหรือดินที่มีการเปลี่ยนภาวะ
-ไม่อาจจะรองรับโครงสร้างที่มีน้ำหนักมากมายได้

2. รากฐานลึก (Deep Foundation)
โครงสร้างรองรับลึกถูกออกแบบมาเพื่อกระจายน้ำหนักของส่วนประกอบไปยังชั้นดินหรือชั้นหินที่มีความแข็งแรงอยู่ลึกใต้ผิว เหมาะสำหรับองค์ประกอบขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ดินมีความอ่อนตัวสูง

ตัวอย่างของฐานรากลึก
-เสาเข็มตอก (Driven Pile): เป็นเสาเข็มที่ถูกตอกลงดินเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่
-เสาเข็มเจาะ (Bored Pile): เป็นเสาเข็มที่เจาะดินและก็เทคอนกรีตลงไป เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถที่จะใช้เสาเข็มตอกได้
-โครงสร้างรองรับเสาเข็มลอย (Floating Foundation): ใช้ในโครงสร้างที่อยากกระจัดกระจายน้ำหนักในพื้นที่ที่มีการทรุด

ข้อดีของรากฐานลึก
-สามารถรองรับน้ำหนักขององค์ประกอบขนาดใหญ่ได้
-เหมาะกับพื้นที่ดินอ่อนหรือดินที่มีการทรุด
-เพิ่มความมั่นคงและยั่งยืนให้กับโครงสร้างในสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยง

จุดด้วยของฐานรากลึก
-ค่าใช้สอยสูงขึ้นยิ่งกว่ารากฐานตื้น
-ใช้เวลาแล้วก็เคล็ดวิธีเฉพาะสำหรับการก่อสร้าง
-ต้องอาศัยการสำรวจดินให้ละเอียดเพื่อคุ้มครองปัญหาที่บางทีอาจเกิดขึ้น

📢📢✨การเลือกรากฐานที่สมควร

การเลือกประเภทของโครงสร้างรองรับขึ้นอยู่กับหลายเหตุ ตัวอย่างเช่น น้ำหนักขององค์ประกอบ สภาพดิน แล้วก็สภาพแวดล้อม การสำรวจดิน (Soil Investigation) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยทำให้วิศวกรสามารถประเมินรวมทั้งเลือกรากฐานได้อย่างเหมาะควร โดยขั้นตอนการเลือกมีดังนี้:

การคาดการณ์น้ำหนักองค์ประกอบ:
จำเป็นต้องพิจารณาถึงน้ำหนักของโครงสร้างแล้วก็การใช้งาน ตัวอย่างเช่น อาคารอยู่อาศัย โรงงาน หรือสะพาน
การวิเคราะห์ภาวะดิน:
ทำเจาะตรวจดินและก็ทดสอบคุณลักษณะของดิน ยกตัวอย่างเช่น ความแน่น ความแข็งแรง แล้วก็การซึมผ่านของน้ำ
สิ่งแวดล้อม:
ตรึกตรองเหตุที่บางทีอาจมีผลต่อรากฐาน เป็นต้นว่า แรงสะเทือน น้ำหลาก หรือดินถล่ม
ความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ:
เลือกโครงสร้างรองรับซึ่งสามารถรองรับความต้องการและก็งบประมาณ

📌📢⚡ตัวอย่างการใช้งานในงานก่อสร้าง

ที่อยู่อาศัย:
ใช้โครงสร้างรองรับแผ่หรือรากฐานแถบ เพราะน้ำหนักของส่วนประกอบไม่มาก และก็สภาพดินมีความแข็งแรง
อาคารสูง:
ใช้เสาเข็มเจาะหรือเสาเข็มตอกเพื่อรองรับน้ำหนักของโครงสร้างและเพิ่มความยั่งยืนมั่นคง
สะพาน:
ใช้รากฐานเสาเข็มลึกเพื่อกระจัดกระจายน้ำหนักของโครงสร้างไปยังชั้นดินที่มั่นอาจ
โรงงานหรือรับภาระหนี้สิน:
ใช้โครงสร้างรองรับแผ่นหรือเสาเข็มตามรูปแบบของน้ำหนักบรรทุกรวมทั้งภาวะดิน

🦖👉✅ข้อสรุป

การเลือกประเภทของฐานรากที่เหมาะสมถือเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับการสร้างความมั่นคงและก็ความปลอดภัยให้กับโครงสร้าง ฐานรากตื้นเหมาะกับส่วนประกอบขนาดเล็กรวมทั้งดินที่มีความแข็งแรง เวลาที่รากฐานลึกเหมาะกับองค์ประกอบขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ดินอ่อน การวิเคราะห์สภาพดินแล้วก็การออกแบบที่สอดคล้องกับมาตรฐานวิศวกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้โครงงานก่อสร้างเสร็จได้อย่างปลอดภัยรวมทั้งยืนนาน

แนวทางการทำความรู้ความเข้าใจข้อดีขอเสียของรากฐานแต่ละชนิดจะช่วยทำให้สามารถตกลงใจเลือกโครงสร้างรองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยช่วยลดการเสี่ยงในระยะยาวขององค์ประกอบในภายภาคหน้า
Tags : ทดสอบ compaction test

Jenny937










Hanako5